บ้านในนคร เป็นทีพักบูติกโฮเต็ลขนาดเล็ก ที่เจ้าของบ้านปรับปรุงบ้านเก่าอายุร่วมร้อยปี ตบแต่งอย่างมีเอกลักษณ์ ในลักษณะผสมผสานเก่าใหม่ ทำให้สถานที่แห่งนี้มีลักษณะ Handmade และอบอุ่น แตกต่างจากที่พักทั่วไป หลายส่วนของบ้าน เจ้าของบ้านลงมือทำเอง โดยเฉพาะงานโมเสก ที่มีสีสัน เพิ่มความสดใสและความน่าสนใจให้กับโรงแรมได้เป็นอย่างดี เหมาะแก่การการเซลฟี่ เป็นอย่างยิ่ง เรามีที่พักเพียง 6 ห้อง แต่ละห้องตบแต่งอย่างมีเอกลักษณ์แตกต่างกัน

Translate

วันอังคารที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ประวัติบ้านในนคร บูติกโฮเต็ล the history of baan nai nakhon boutique hotel



พระนิเทศโลหสถาน เจ้าของบ้านท่านแรก

บ้านในนคร เคยเป็นที่พำนักของพระนิเทศโลหสถาน ชาวศรีลังกา ที่รัฐบาลสยาม ว่าจ้างมาทำงานด้านแผนที่และสำรวจแร่ โดยที่ท่านเข้ามาทำงานที่จังหวัดภูเก็ตก่อนตั้งแต่ช่วงปลายสมัยรัชการที่ 5 ต่อมาในช่วงต้นสมัยรัลกาลที่ 6 ท่านถูกส่งมาทำงานที่สงขลา และได้พำนักที่ตึก 3 ชั้น ที่หัวมุมถนนนางงามตัดกับถนนปัตตานี ซึ่งเป็นอาคารส่วนหน้าของโรงแรมบ้านในนครปัจจุบัน ท่านมีภรรยาเป็นชาวสงขลา เป็นต้นตระกูล "วุฒิภูมิ" มีผู้สืบเชื้อสายท่านมากมายที่ใช้นามสกุลนี้ในปัจจุบัน


นายคล้าย ละอองมณี เจ้าของบ้านท่านที่ 2


ต่อมาท่านได้ขายบ้านนี้ให้แก่นายคล้าย ละอองมณี อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสงขลา 8 สมัย นายคล้ายได้ซื้อที่ดินเพิ่มด้านหลัง และสร้างห้องแถวติดกับตึกเดิม ตึกใหม่นี้หันหน้าไปทางถนนปัตตานีโดยเจาะประตูเชื่อมกันระหว่าง 2 ตึก ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น ท่านได้ใช้บ้านหลังนี้เป็นที่ต้อนรับแขกของท่านเป็นประจำ ส่วนมากเป็นสมาชิกในพรรคประชาธิปัตย์ มีอดีตนายกรัฐมนตรี 3 ท่านที่เคยมาเยี่ยมท่านที่บ้านหลังนี้คือ ม.ร.ว.เสนีย์ปราโมชย์ ม.ร.ว.คึกฤทธ์ ปราโมชย์และนายควง อภัยวงษ์ ในภายหลังท่านก็ได้ตัดสินใจขายบ้านหลังนี้เพื่อนำเงินช่วยพรรคการเมืองของท่าน และได้ย้ายไปอยู่บ้านหลังใหญ่กกว่านี้ที่ต้นถนนนครนอก


ตึกด้านหลังที่สร้างติดกัน หันหน้าอกทางถนนปัตตานี และเปิดช่องประตูเชื่อมกันภายใน


เจ้าของท่านที่ 3 คือนายพงษ์ศักดิ์ โชคสกุลนิมิตร เป็นชาวนครปฐม เดินทางมาทางเรือด้วยกระเป๋าใบเดียว และมาขึ้นท่าที่สงขลา เพื่อหาโอกาสทางการค้าใหม่ๆ ในที่สุดท่านได้เป็นเจ้าของกิจการประมง ท่านได้ภรรยาเป็นชาวระโนด และใช้บ้านหลังนี้เลี้ยงลูกจนเติบใหญ่ ท่านได้ซื้อทีดินว่างด้านข้างเพิ่มเติม ใช้เป็นพื้นที่อเนกประสงค์เพื่อปลูกต้นไม้ ตากผ้าและเป็นที่นั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจสำหรับครอบครัว เมื่อลูกๆของท่านแยกย้ายไปมีครอบครัวของตัวเอง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ที่กรุงเทพมหานคร และภรรยาของท่านเสียชีวิตไป ท่านก็ยังคงพำนักอยู่ที่บ้านหลังนี้อีกระยะหนึ่งเพราะความรักและผูกพันธ์ที่ท่านมีต่อบ้านและชุมชนแห่งนี้ แต่ด้วยความห่วงใยของลูกๆที่มีต่อบิดาซึ่งอายุมากแล้ว จึงร่วมกันตัดสินใจนำท่านไปอยู่พร้อมหน้ากันที่กรุงเทพมหานครและขายบ้านหลังนี้

นายพงษ์ศักดิ์ โชคสกุลนิมิตร เจ้าของบ้านท่านที่ 3 เมื่อครั้งที่ท่านกลับมาเยี่ยมบ้านในนคร

บ้านหลังนี้จึงถูกเปลี่ยนมืออีกครั้งหนึ่ง ด้วยตำแหน่งที่ตั้งของบ้านที่โดดเด่น อยู่กลางถนนนางงาม ในเขตเมืองเก่าสงขลา จึงเหมาะเป็นอย่างมากที่จะเป็นโรงแรมเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองสงขลา โดยเฉพาะเมืองเก่าแห่งนี้