บ้านในนคร เป็นทีพักบูติกโฮเต็ลขนาดเล็ก ที่เจ้าของบ้านลงมือปรับปรุงบ้านเก่าอายุร่วมร้อยปี ตบแต่งอย่างมีเอกลักษณ์ ในลักษณะผสมผสานเก่าใหม่ สิ่งเก่าที่ยังคงมีคุณค่าก็ยังคงเก็บรักษา แต่งเติมสิ่งใหม่เพื่อให้สิ่งเก่าดูมีคุณค่ามากขึ้น สิ่งเก่าที่รื้อมาก็นำมาดัดแปลงใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด โดยเฉพาะอิฐเก่า แม้จะแตกหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ก็นำมาใช้ประโยชน์จนหมดสิ้น ทำให้สถานที่แห่งนี้มีลักษณะ Handmadeที่ดูแตกต่างจากที่พักทั่วไป หลายส่วนของบ้าน เจ้าของบ้านลงมือทำเอง โดยเฉพาะงานโมเสก ที่มีสีสัน เพิ่มความสดใสและความน่าสนใจให้กับโรงแรมได้เป็นอย่างดี
การได้มาของสถานที่แห่งนี้ ไม่ได้เกิดจากความต้องการและการเสาะหาของตัวเอง แต่เป็นเพราะเพื่อนสมัยมัธยม 2คน ได้มาเที่ยวสงขลาและเป็นคนมาพบ และบอกต่อกันมาอีกที(ขณะนั้นเราอาศัยอยู่ที่กรุงเทพ) ภรรยาผมเป็นคนสงขลา เมื่อได้ยินประโยคว่า ตึกนี้ตั้งอยู่บนถนนนางงาม จึงอยากจะกลับมาดู สิ่งสำคัญที่ทำให้ตัดสินใจเลือกที่นี่มีอยู่ 2 ประการหลัก คือ 1)ตำแหน่งที่ตั้งที่อยู่กลางถนนนางงาม กลางเมืองเก่า ที่พรั่งพร้อมไปด้วยอาหารการกินและสถานที่ต่างๆที่ไม่ได้มีการปรุงแต่งเพื่อการท่องเที่ยว แต่มีเสน่ห์ มีศักยภาพมากที่จะดึงดูดให้ผู้คนที่ชื่นชอบชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ ได้มาสัมผัสเที่ยวชมแบบชิลชิล ทุกที่ในเขตเมืองเก่าอยู่ในรัศมีเพียงไม่กี่ก้าวเดิน และ2)สภาพของตึกที่มีโครงสร้างที่ดีมากแม้จะผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน ด้วยเจ้าของเดิมแต่ละท่านได้เอาใจใส่และดูแลเป็นอย่างดี มีการปรับเปลิ่ียนและเสริมโครงสร้างมาบ้างแล้วก่อนหน้านี้
เมื่อได้สถานที่แล้ว สิ่งที่ต้องทำในเบื้องต้นคือการร้ือโครงสร้างเบาภายในทั้งหมด ให้เป็นโถงโล่งๆ โดยเฉพาะผนังห้องและฝ้าที่ใช้โครงไม้เนื้ออ่อนและไม้อัด เพราะสิ่งเหล่าเป็นอาหารปลวกอย่างดี คงไว้เฉพาะส่วนที่เป็นไม้เนื้อแข็ง ซึ่งปลวกไม่กิน เช่น ส่วนของตงรองรับพื้น พื้นไม้ วงกบ บันได ส่วนใหญ่ยังอยู่ในสภาพดี เมื่อได้พื้นที่โล่งแล้ว จึงมีการตรวจสอบโครงสร้าง แล้วจึงทำการแบ่งห้องใหม่ เติมห้องน้ำให้ครบทุกห้อง การเติมห้องน้ำที่ชั้นบนซึ่งมีพื้นเป็นไม้ นี้เป็นสิ่งที่ท้าทายที่สุด สำหรับเราซึ่งไม่ได้เป็นสถาปนิก หลังจากหาข้อมูลหลายๆทาง ลงเอยด้วยการรื้อพื้นไม้ออก เสริมเหล็กชนิดพิเศษที่ไม่เป็นสนิม แทนตงไม้ ตรงส่วนที่จะทำห้องน้ำ รองพื้นด้วยแผ่นกระดานซิเมนต์ แล้วจึงผูกเหล็ก เทพื้น เดินท่อน้ำร้อน น้ำเย็น และท่อน้ำทิ้ง กรุกระเบื้อง พื้นและผนัง และติดตั้งสุขภัณฑ์
ผนังของตึกบางส่วนจะต้องซ่อมแซม ปูนที่ฉาบไว้หมดสภาพ กระเทาะ หลุดร่อนออกมา เพราะความชื้้น ก็จำเป็นจะต้องแซะออกมาแล้วฉาบใหม่ ส่วนไหนที่กระเทาะออกมา แล้วเผยอิฐสวยที่อยู่ภายใน สามารถโชว์ได้ ก็จะไม่ฉาบ เก็บไว้โชว์ซะเลย การทำงานจะเป็นลักษณะรื้อไป แก้ปัญหาไป ออกแบบการตบแต่งไปพร้อมๆกัน เพราะเราคุมเองทุกขั้นตอน และสามารถตัดสินใจได้ทันทีเมื่อมีอะไรต้องเลือกหรือแก้ปัญหา
สำหรับการตบแต่ง เราเน้นใช้เฟอร์นิเจอร์ และข้าวของเครื่องใช้ที่มีอยู่แล้ว มาซ่อมแซมและจัดวางใหม่ประกอบกับของประดับ เช่นโคมหลายชิ้น พร้อมจานโบราณจากยุโรปที่สะสมไว้นานแล้ว และผ้าปาเต๊ะที่มีขายในตลาด นำมาตัดเย็บ ใช้เป็นม่าน เกิดการผสมผสานที่ดูแปลกตา และน่าสนใจขึ้นมา และยังสื่อถึงความเป็นพื้นถิ่นของเมืองสงขลาได้เป็นอย่างดี
หลายส่วนของโรงแรม มีการประดับกระเบื้องโมเสก ที่เจ้าของลงมือต้ดกระเบื้องเซรามิคหรือเศษอิฐทีละชิ้น ด้วยตัวเอง สร้างสรรค์เป็นผลงานประดับไว้ตามจุดต่างๆของโรงแรม เป็นงานทำมือที่มีความเป็นเอกลักษณ์ ทุกชิ้นงานจึงเป็นชิ้นงานหนึ่งเดียวในโลก ที่ไม่มีที่ไหนเหมือน
ระยะเวลาแปดเดือนของการปรับปรุง ซ่อมแซมและตบแต่ง สถานที่แห่งนี้จึงพร้อมทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 25 สิงหาคม 2559 โดยได้รับความเมตตาจากพ่อเมือง ท่านทรงพล สวาสดิธรรม กรุณามาเป็นประธานแบบง่ายๆอย่างไม่เป็นพิธีรีตอง พร้อมๆกับสมาชิกในชุมชนมาร่วมเป็นสักขีพยานในวันนั้นด้วย
ท้ายนี้ ขอขอบคุณเพื่อนบ้านที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง ที่อาจได้รับผลกระทบบ้างจากฝุ่นละอองและเสียงตลอดระยะเวลาการทำงาน แต่ทุกท่านก็อดทน จนงานทุกอย่างสำเร็จลงด้วยดี
ขอบคุณร้านค้าวัสดุก่อสร้างบางร้านที่อำนวยความสะดวกให้เครคิตและใจดีส่งของหนักๆมาให้ถึงที่
ขอบคุณคุณอารี หะยีวาเงาะ สถาปนิกที่ให้คำแนะนำในระยะแรก ทำให้เกิดความมั่นใจในการเริ่มงาน
ขอบคุณช่างและคนงานที่ทำงานคลุกฝุ่นอดทนกับการทำงานที่ไม่มีแบบชัดเจน พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
และที่สำคัญขอบคุณภรรยา ลูกๆญาติๆ และเพื่อนๆ ทุกคน ทั้งที่อยู่ใกล้และไกล ที่คอยให้กำลังใจมาใจมาโดยตลอด
ขอบคุณเบื้องบนที่ประทานสติปัญญาและและเรี่ยวแรงให้การงานนี้สำเร็จลงด้วยดี